ข่าวแม่สอด  :  ถังแก๊ส LPG ติดรถยนต์ระเบิดกลางโกดังเก็บของเก่ากลางแม่สอด

         (27 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด จ.ตาก ได้รับแจ้งมีเหตุถังแก๊สรถยนต์ระเบิด และมีเพลิงไหม้ ภายในโกดังเก็บของเก่าชื่อ “ร้านลามรับซื้อของเก่า” ซึ่งเป็นร้านจำหน่าย และโกดังเก็บสินค้ามือสองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ย่านใจกลาง อ.แม่สอด จ.ตาก จึงเร่งประสานหน่วยดับเพลิงจากเทศบาลนครแม่สอดส่งเจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิง 3 คัน รีบเดินทางไประงับเหตุ

         แต่เมื่อเจ้าหน้าที่นำรถดับเพลิงมุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุกลับประสบปัญหา เนื่องจากถนนทางเข้าจุดเกิดเหตุเป็นซอยคับแคบ และมีเหล่าไทยมุงมาดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องรีบประกาศให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่เกิดเหตุ เนื่องจากพบการรั่วไหลของแก๊ส และมีเพลิงไหม้รุนแรง ก่อนจะส่งทีมดับเพลิงเข้าไปฉีดน้ำสกัดเพลิงโดยใช้เวลา10 นาทีเพลิงจึงสงบ

         ซึ่งอุบัติเหตุดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บคือ นายหลินทูน อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นคนงานแผนกตัดเหล็ก ถูกแรงระเบิดจากถังแก๊ส LPG รถยนต์มือสอง จนมีบาดแผลไฟไหม้ไปเกือบทั่วร่างกาย อาการสาหัส คนงานภายในร้านช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลแม่สอดในช่วงเกิดเหตุก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง

         จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุทางร้านได้เริ่มเปิดร้านได้ไม่กี่นาที คนงานส่วนใหญ่กระจายตัวกันไปคัดแยกสินค้ามือสองตามจุดต่างๆ เตรียมส่งจำหน่าย ส่วนนายหลินทูน ซึ่งเป็นคนงานที่ทำงานมากว่า10 ปี ได้เดินไปที่บริเวณโกดังเก็บเศษเหล็กหลังร้าน จากนั้นได้ใช้ถังแก๊ส ซึ่งต่อสายเชื่อมตัดเหล็ก เพื่อจะทำการตัดเหล็กแยกเป็นชิ้นๆ

         โดยนายหลินทูนไม่ทันระวังว่าข้างๆ ตัวเองมีถังแก๊สรถยนต์ LPG มือสองตั้งอยู่ และคาดว่าถังแก๊สรถยนต์เก่าถังนี้อาจจะมีแก๊สค้างเก่าอยู่ภายในถัง แล้วเกิดการรั่วไหล เมื่อนายหลินทูนจุดไฟเพื่อจะสูบบุหรี่ระหว่างทำงานตัดเชื่อมเหล็ก ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นทันที และแรงระเบิดยังทำให้กระจก-หลังคาของร้านแห่งนี้แตกเสียหายบางส่วน รวมทั้งทำให้ชาวบ้านใกล้เคียง ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ต่างตกใจเสียงระเบิดวิ่งหนีออกจากบ้านไปหลบในที่ปลอดภัยกันอย่างโกลาหล

         เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุเพื่อรอตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตากมาทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ  :  http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9600000042510