เป็นแค่เรื่อง “โอละพ่อ” ข่าว คนจีนที่ป่วย โควิท 19 จากหย่าไถ้ ที่แท้ เป็นเบาหวานและปอดบวม

โอละพ่อ!ข่าวคนจีนป่วยโควิท-19 จากหย่าไถ้ ที่แท้เป็นเบาหวาน-ปอดบวม
โอละพ่อ!ข่าวคนจีนป่วยโควิท-19 จากหย่าไถ้ ที่แท้เป็นเบาหวาน-ปอดบวม

โอละพ่อ!ข่าวคนจีนป่วยโควิท-19 จากหย่าไถ้ ที่แท้เป็นเบาหวาน-ปอดบวม

      เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 จากกรณีที่มีข่าวแพร่สะพัดในโลกโซเซียล ทั้งเฟซบุ๊คและออนไลน์ ไปทั่ว ว่ามีการนำคนจีน ที่ป่วยจากเมืองโก๊กโก่(หย่าไถ้) นำข้ามแม่น้ำเมย ชายแดนไทย-เมียนมา ตรงข้ามท่า 23 ท่าพ่อเลี้ยงคำ บ้านวังแก้ว หมู่ 4 ห้วยกะโหลก ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก และนำมาส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก และ ข่าวได้ออกไปว่าป่วยติดเชื้อไวรัสโควิท 2019 หรือไวรัสอู่อั้น ทำให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก ตื่นตะหนกตกใจ เกิดอาการหวาดผวา และมีการแชร์ข่าว ไปทั่วเป็นวงกว้าง ทำให้คนในพื้นที่ยิ่งหวาดผวาเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้มีการประสานกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข ทราบว่า ผลการตรวจออกมาว่า ผู้ป่วยชาวจีน รายดังกล่าว นั้น เบื้องต้น มีอาการปอดบวม และเป็นเบาหวาน น้ำตาลในเลือดขึ้นสูง ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ ยังไม่ได้มีการ พบเชื้อไวรัสโควิท 19 ตามที่มีข่าวลือ ทางโซเซียลแต่อย่างใด ทั้งสิ้น ซึ่งทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ยังตำหนิ บุคคลที่มีการปล่อยข่าว ที่เป็นข่าวที่ไม่จริงออกมา ได้ทำลายสังคม ทำลายเศรษฐกิจ ชายแดนแม่สอด และสร้างความตื่นตกใจให้ประชาชน โดยอาจจะให้ทาง พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ ได้ดำเนินการดูข้อเท็จจริงทางด้านกฎหมาย กับคนที่ปล่อย ข่าวที่ไม่จริง ผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งบุคคลที่ออกข่าวปลอมและแชร์ หากพบว่าเข้าข่ายความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ก็อาจจะต้องดำเนินคดี ทางกฎหมายต่อไป

      อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงมีมาตรการในการสกัดกั้นและป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิท 19 ตามช่องทางชายแดน ในทุกมาตรการ อย่างเข้มงวด ทั้งตรวจวัด คัดกรอง และการเข้มงวดการข้ามแดน และการสกัดกั้นการเดินทางผ่านแดน และแจ้งเตือนให้ประชาชนได้ดูแลสุขภาพของตัวเอง ในช่วงเวลานี้ หากเดินทางไปในพื้นที่ที่มีคนจำนวนมากก็ให้สวมหน้ากากอนามัย ป้องกันตนเองไว้ก่อน

ขอขอบคุณข้อมูล-ภาพ จาก AEC อาเซียน NEWS