วันนี้ (2 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด จ.ตาก รับแจ้งจากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวตลาดสดนครแม่สอด ผ่านสายด่วน 191 ว่า สามารถปิดล้อมจับกุมคนร้ายก่อเหตุล้วงกระเป๋าผู้มาจับจ่ายซื้อสินค้าได้กลางตลาดสด หลังรับแจ้งตำรวจ พร้อมฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด และสื่อมวลชน เดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงตลาดสดนครแม่สอด ซึ่งตั้งอยู่ย่านการค้ากลางเมืองแม่สอด ใกล้ชายแดนไทย-พม่า พบกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงเหล่าไทยมุง และพม่ามุงจำนวนมาก ต่างรุมล้อมช่วยกันจับตัวนางซาน ซาน วิน ไม่มีนามสกุล อายุ 35 ปี สัญชาติพม่า
สอบถามเบื้องต้นทราบว่า นางซาน ซาน วิน ได้อุ้มเด็กหญิงวัย 3 ขวบหน้าตาน่ารัก ก่อเหตุล้วงกระเป๋าถือของหญิงไทย อายุ 62 ปี ผู้เสียหาย ขณะมาเดินจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าที่กลางตลาดสดผักปลอดสารพิษ ชนิดที่ว่าผู้เสียหายไม่ทันได้รู้สึกตัวว่าถูกล้วงกระเป๋าขโมยเงินสดไปแล้ว แต่ถูกแม่ค้าหมูปิ้งตาไวพร้อมแม่ค้าผักหลายคนช่วยกันจับตัวไว้ได้คาหนังคาเขา พร้อมกระเป๋าที่มีเงินสด จำนวน 12,000 บาท ส่วนคนร้ายที่เหลืออีกหลายคนสามารถหลบหนีไปได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมนางซาน ซาน วิน ออกจากตลาดไปสอบสวนขยายผลต่อที่ สภ.แม่สอด เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าเดินทางข้ามชายแดนจากประเทศเพื่อนบ้านมาพร้อมกับทีมงานล้วงกระเป๋ามืออาชีพจำนวน 6 คน โดยทั้งหมดทำบัตรผ่านแดนมาในฐานะนักท่องเที่ยว และร่วมกันวางแผนลงมือก่อเหตุล้วงกระเป๋า โดยจะเลือกคนที่สูงอายุ และกลุ่มคนแต่งตัวดีเป็นหลัก
นางซาน ซาน วิน บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนจะใช้วิธีเดินอุ้มเด็กเล็กเพื่อไม่ให้คนในตลาดสงสัย ก่อนจะลงมือเดินประกบ แล้วฉวยโอกาสเดินเบียดเหยื่อ โดยมีทีมงานทำงานกันอย่างเป็นระบบ ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็สามารถล้วงกระเป๋าเงินสดเหยื่อได้โดยง่าย และทำมาแล้วหลายครั้งได้เงินไปจำนวนมาก ก่อนนำเงินไปแบ่งกันแล้วหลบหนีข้ามชายแดนไป
แต่ครั้งนี้แผนเกิดผิดพลาด เนื่องจากตนถูกกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าที่จัดเวรยามเฝ้าสอดส่องดูแลป้องกันเหตุในตลาดตาไวมองเห็นขณะก่อเหตุ จนถูกแม่ค้าหมูปิ้งจับได้คาหนังคาเขา ส่วนเพื่อนร่วมขบวนการต่างหนีไป ทิ้งตนไว้ที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงสอบสวนขยายผลติดตามหาตัวคนร้ายร่วมแก๊งที่สามารถหลบหนีไปได้ตามพื้นที่แนวชายแดน และเร่งสอบสวนว่าเด็กหญิงอายุ 3 ขวบที่ถูกคนร้ายแก๊งนี้อุ้มมาก่อเหตุเป็นบุตรสาวที่แท้จริงของคนร้ายหรือไม่ เนื่องจากตำรวจแม่สอดเคยจับกุมตัวคนร้ายลักพาตัวเด็กต่างด้าวมาก่อเหตุล้วงกระเป๋าได้ในลักษณะนี้มาแล้วหนึ่งครั้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลทางคดี
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9600000033395