ข่าวแม่สอด : รถพ่วงพลิกคว่ำ ข้าวโพด 50 ตัน เกลื่อนเต็มถนน ค่าเสียหายมูลค่ากว่า 500,000
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 7 มี.ค.59 ร.ต.อ.สมาน สงคุ้ม พงส.สส.สภ.เมืองกำแพงเพชร รับแจ้งมีรถพ่วงพลิกคว่ำบนถนนพหลโยธิน หมู่ 1 ต.นครชุม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ ทะเบียนตัวหัวลากทะเบียน 70-2225 ตาก ตัวพ่วงทะเบียน 70-2226 ตาก พลิกคว่ำลงไปในร่องกลางถนนล้อชี้ฟ้าพังยับเยิน ชนต้นไม้ใหญ่ข้างทางหักไป 2 ต้น ขวางเลนไป 1 เลน มีนายจักรพรรณ์ บ่ายบันเทิง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/3 ซอยสิรินธร 5 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัดกรุงเทพมหานคร เป็นคนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าเล็กน้อย
ส่วนคนที่นั่งโดยสารมาด้วยชื่อ น.ส.วราภรณ์ ศรีสมวงศ์ อายุ 26 ปี ภรรยา ไม่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้นยังมีรถอเนกประสงค์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำทะบียน ฌย 403 กรุงเทพมหานคร มีนายสมชาย เย็นประสิทธิ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ถ.พระราม 9 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร เป็นคนขับ ชนติดอยู่กับตัวพ่วงสถาพด้ายซ้ายและด้านหน้าพังเสียหาย แต่คนขับไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนบนถนนทั้งขาล่องและขาขึ้นเมล็ดข้าวโพดที่บรรทุกมาจำนวน 50 ตัน เทกระจายเกลื่อนเต็มถนนเป็นระยะทางยาวประมาณครึ่งกิโล รถที่วิ่งผ่านทุกคันต้องชะลอความเร็วเนื่องจากเมล็ดข้าวโพดบนถนนทำให้รถลื่นไถล ส่งผลทำให้การจราจรติดขัดเพราะไปได้แค่เลนเดียว
นายจักรพรรณ์ คนขับรถพ่วง เปิดเผยว่า ตนขับรถพ่วงบรรทุกข้าวโพดหนัก 50 ตันมูลค่าเกือบ 500,000 บาท จาก อ.แม่สอด จ.ตาก จะไปส่งที่ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ในระหว่างที่ขับมาเห็นรถทัวร์ขับตามมา 2 คัน โดยตนขับอยู่ในเลนซ้าย เมื่อถึงที่เกิดเหตุรถทัวร์ทั้ง 2 คัน ได้ขับไล่กันขึ้นมาและแซงรถของตนขึ้นไป คันแรกแซงพ้นตบไฟเลี้ยวเข้าเลนซ้าย คันที่ 2 แซงแล้วปาดเข้าเลนซ้ายในระยะกระชั้นชิด ตนจึงต้องเบรกเต็มแรงทำให้รถเกิดเสียหลัก จากรถที่บรรทุกมาหนักและแรงเหวี่ยงของตัวพ่วงจึงทำให้หัวรถหันกลับชนต้นไม้ข้างทางแล้วพลิกคว่ำลงไปในร่องกลาง เทเมล็ดข้าวโพดทั้ง 50 ตัน เต็มถนนทั้งเลนขาล่องกับขาขึ้นเสียหายหมด
ด้านนายสมชาย คนขับรถมิตซูบิชิ เปิดเผยว่า ตนมาจากลำปางจะไปกรุงเทพฯ โดยขับมาด้วยความเร็ว 100 กว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อถึงที่เกิดเหตุรถขับเหยียบเมล็ดข้าวโพดที่หล่นเกลื่อนถนน เป็นเหตุให้รถเสียหลักลื่นไถลเข้าไปชนตัวพ่วงที่พลิกตะแคงอยู่กลางถนนเต็นแรง จนรถพังเสียหายยับเยิน
หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วต้องประสานรถไถจากโรงสีที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุมาไถเมล็ดข้าวโพดออกจากผิวการจราจรลงข้างถนน เพราะเกรงจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน แต่ปรากฏว่าไถได้ไม่หมดกลับยิ่งทำให้เมล็ดข้าวโพดกระจายทั่วทั้งถนนมากขึ้นอีก โดยช่วงที่รถไถกำลังทำงานต้องปิดการจราจรโดยสิ้นเชิง ส่งผลให้รถติดสะสมจำนวนมาก จึงต้องสลับปิดเปิดให้รถผ่านไปเป็นช่วงๆ และประสานรถดับเพลิงจากเทศบาล ต.คลองแม่ลายมาฉีดน้ำไล่เมล็ดข้าวโพดลงข้างถนนไป รถจึงสามารถขับผ่านได้อย่างสะดวก.
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : ไทยรัฐ