ข่าวแม่สอด : คนขับหลับในรถพ่วง 18 ล้อวิ่งกวาดรถข้างหน้าพังยับ 3 คันรวดคาแยกแม่สอด
คนขับรถบรรทุกพ่วง18 ล้อป่วยไม่สบายฝืนขับรถจนหลับใน รถพุ่งชนรถทุกคันที่ขวางหน้า จนคนขับรถบนถนนต้องทิ้งรถหนีเอาชีวิตรอดคนละทิศละทาง โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
วันนี้ (28 ก.ค.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจ สภ.แม่สอด พร้อมฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด และหน่วยกู้ภัยอำเภอแม่สอด รับแจ้งมีอุบัติเหตุบนถนนสายพัฒนานครแม่สอด ใกล้กับสี่แยกไฟแดงแม่สอด หลังรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองต้องรีบนำกำลังเข้าไปช่วยเหลือ
ที่จุดเกิดเหตุเป็นถนนกว้างสี่เลน เป็นถนนสายเลี่ยงเมืองแม่สอด และมีรถบนถนนหนาแน่น โดยที่กลางถนนเจ้าหน้าที่พบรถยนต์บรรทุกพ่วง 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 80-9595 จังหวัดตาก จอดอัดติดกับซากต้นไม้ขนาดใหญ่ที่หักโค่น และอัดติดกับซากรถยนต์อีก 3 คันที่ถูกชนอย่างแรง จนรถยนต์มีสภาพพังเสียหายยับเยิน โชคดีที่คนขับรถที่ถูกชนบาดเจ็บเล็กน้อยทุกคนปลอดภัย แต่อยู่ในอาการขวัญผวายังให้การไม่ได้
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังพบตัวนายจักรกฤษณ์ สินทอน อายุ 30 ปี เป็นคนขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุที่อยู่ในสภาพนอนหลับหมดสติคาพวงมาลัย เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวออกจากรถบรรทุกลงมาปฐมพยาบาลในสภาพที่ยังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังจำเหตุการณ์ไม่ได้ แต่อาการปลอดภัยแล้ว
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายจักรกฤษณ์ คนขับรถบรรทุกซึ่งมีอาการเจ็บป่วยไม่สบายจึงกินยาไปหลายชนิด แล้วฝืนขับรถบรรทุกสินค้านำไปส่งในเขตอำเภอแม่สอด เมื่อส่งสินค้าแล้วเสร็จ นายจักรกฤษณ์ก็ขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุเพื่อเดินทางกลับโกดังสินค้าเพื่อจะไปขึ้นสินค้ามาส่งอีกหนึ่งเที่ยว
แต่พอขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งห่างจากสี่แยกไฟแดงแม่ปะ เขตอำเภอแม่สอด เพียง 100 เมตร นายจักรกฤษณ์เกิดอาการวูบหลับในฉับพลันจนรถไร้คนควบคุมและยังคงวิ่งไปตามถนนมุ่งหน้าแยกไฟแดงด้วยความเร็วจนรถเสียการควบคุมพุ่งปีนฟุตปาธริมถนนและชนเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่อย่างแรง ก่อนรถจะทะยานพุ่งชนท้ายรถยนต์ที่อยู่ด้านหน้าไปถึงสามคันรวดเสียงดังสนั่นถนน จนรถที่ถูกชนกระเด็นไปคนละทิศละทาง เศษชิ้นส่วนแตกกระจายเต็มถนน
นอกจากนี้ยังทำให้รถอีกหลายคันที่ขับสวนทางมาโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ต้องทิ้งรถวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เนื่องจากเกรงว่ารถบรรทุกจะข้ามเลนถนนมาชนซ้ำ จนในเวลาต่อมารถบรรทุกจึงจอดสงบห่างจากสี่แยกไฟแดงเพียง 100 เมตร
เบื้องต้นตำรวจได้ส่งตัวคนขับรถบรรทุกไปตรวจร่างกาย และจะนำตัวไปสอบสวนอีกครั้ง พร้อมประสานพนักงานประกันภัยให้มาประเมินมูลค่าความเสียหายของรถคู่กรณีทุกคันที่ถูกชนจนพังยับเยินแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูล-ภาพ จากhttp://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9600000076801